แนะนำตัวอย่าง....
Welcome..
วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ณ.ถนนคนเดินเชียงใหม่
และแล้วก็ได้มีโอกาสได้ไปคุยกับกองอำนวยการการจัดงานถนนฅนเดินครับ วันที่ไปก็ฤกษ์ดี ไปแล้วก็ไม่ต้องรอนาน เข้าไปสัมภาษณ์เลย คุยกันไปมาก็ได้ความมาว่า ถนนฅนเดินจังหวัดเชียงใหม่นั้น ปีนี้ย่างเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว ประวัติความเป็นมาของโครงการถนนฅนเดิน เป็นอย่างไรนั้น อาจารย์เสถียร นันทวงศ์ ซึ่งเป็นคณะกรรมการในการจัดโครงการถนนฅนเดินจังหวัดเชียงใหม่ จะเป็นผู้ชี้แจงให้เราได้รับทราบ ดังนี้
ถนนฅนเดิน เป็นความคิดริเริ่มของ พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีโอกาสได้ไปเห็นตัวอย่างถนนฅนเดินจากต่างประเทศมา แล้วก็มาดูว่าประเทศไทยของเราก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะจัดรูปแบบของถนนฅนเดินขึ้นมาบ้าง ท่านก็เลยจัดโครงการถนนฅนเดินเพื่อการทดสอบขึ้นเป็นครั้งแรก ที่กรุงเทพมหานคร ก็ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ท่านก็จึงได้กำหนดเป็นนโยบายให้แต่ละจังหวัดได้ไปทดลองจัดโครงการถนนฅนเดินในจังหวัดของตนเอง
เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกที่ได้จัดโครงการถนนฅนเดินขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยความพร้อมในหลายๆด้าน ทางจังหวัดจึงได้จัดให้มีถนนฅนเดินขึ้นที่ ถนนท่าแพ ก่อนเพราะเป็นแหล่งที่รู้จักโดยทั่วไปของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างจังหวัดและชาวต่างชาติอยู่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
- ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่
- ให้ประชาชนได้มีโอกาสออกกำลัง ด้วยการเดิน
- ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้า otop ของเชียงใหม่
- สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน
ผลของการจัดโครงการถนนฅนเดินที่ถนนท่าแพนั้น ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ทางจังหวัดจึงได้ทำการส่งมอบโครงการให้เทศบาลนครเชียงใหม่เป็นผู้รับช่วงต่อในการจัดโครงการต่อไป
ในช่วง 2 ปีแรกของการจัดโครงการถนนฅนเดินที่ถนนท่าแพนั้น เทศบาลเชียงใหม่ก็พบว่า ถนนท่าแพไม่เหมาะสำหรับการจัดโครงการในระยะยาว เนื่องจากเป็นถนนสายหลักที่ใช้ในการระบายการจราจรในตัวเมือง จึงได้มีการสำรวจและจัดการย้ายโครงการถนนฅนเดินไปที่ถนนพระปกเกล้าและถนนราชดำเนิน ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ
- เหตุผลในการด้านการจราจร ซึ่งจะติดขัดมากเมื่อมีการจัดถนนฅนเดินขึ้นที่ถนนท่าแพ
- ไม่มีที่จอดรถ อันเป็นความไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ
เมื่อได้ดำเนินการย้ายการจัดโครงการมาที่ถนนพระปกเกล้าและถนนราชดำเนินแล้ว จากเดิมที่ถนนท่าแพสามารถรองรับผู้ขายได้ประมาณ 600 – 800 ราย สถานที่ใหม่ก็สามารถรองรับจำนวนผู้ขายก็ได้เพิ่มเป็นกว่า 4,000 ราย สร้างรายได้ให้แก่ผู้ขายได้เป็นจำนวนมาก ประมาณกันว่ามีเงินสะพัดในโครงการถนนฅนเดินแต่ละสัปดาห์ เฉพาะวันอาทิตย์วันเดียว 20 – 30 ล้านบาท โดยมีผู้ขาย ผู้ซื้อ และนักท่องเที่ยว เข้าร่วมโครงการประมาณ 20,000 – 30,000 คน และหากเป็นหน้าเทศกาล เช่น เทศกาลสงกรานต์ จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการก็จะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นถนนฅนเดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ หากว่ากันด้วยจำนวนคนในหนึ่งวันแล้ว
สำหรับท่านที่ต้องการพื้นที่ขายของที่ถนนฅนเดินกลางเวียงเชียงใหม่ ทางเทศบาลได้ออกกฏใหม่ที่ค่อนข้างจะเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากต้องการที่จะให้ถนนฅนเดินกลางเวียงเชียงใหม่ มีความชัดเจนในแง่ของตัวสินค้าให้มากยิ่งขึ้นครับ โดยเงื่อนไขที่จะนำมาใช้เพื่อยินยอมให้ผู้ขายได้เข้ามาจำหน่ายที่ถนนฅนเดินกลางเวียงเชียงใหม่ ก็มีดังนี้ครับ
1. สินค้าที่จะนำมาขาย ต้องเป็นสินค้าประเภทที่เป็นสินค้าพื้นเมืองทางเหนือ หรือ สินค้าที่ทำเองกับมือ ไม่ได้ไปเอาจากโรงงานไหนมาขาย หรือประมาณว่าเป็นสินค้ามือสอง ก็ไม่ได้นะครับ (สินค้ามือสอง เชิญที่ถนนฅนเดินหลังโรงเรียนปรินส์ครับ)
2. ต้องไม่เป็นสินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกัน … เช่น ทำเสื้อยืดขาย แต่ดัน screen ไปปาย ไปโน่น ไปนี่ .. อันนี้เมื่อก่อนทำได้ แต่หลังๆชักแยกไม่ออกว่ามันถนนฅนเดินกลางเวียงเชียงใหม่ หรือถนนแถวๆ อำเภอปายกันแน่ .. บางคนเห็นว่า เอาน่า เชียงใหม่เหมือนกัน ถ้างั้นไม่ต้องไปเที่ยวปายก็ได้ แม่นบ่อ … อีกหน่อยก็มีทุกๆ จังหวัดมันเสียเลย ฮ่า ฮ่า อันนี้เทศบาลเขามีความเห็นว่า ขายที่ไหน ก็ควรจะส่งเสริมที่นั่นนะครับ อยากได้่เสื้อปาย ก็ไปซื้อที่ปายโน่น ขลังกว่ากันเยอะ … ถ้ามาถนนฅนเดินเชียงใหม่ มันก็ต้องเป็นอะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นถนนฅนเดินเชียงใหม่สิครับ เนาะ ..
3. ฅนขายต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ทางคณะกรรมการถนนฅนเดินกำหนด โดยแต่ละโซนก็จะมีสีเสื้อผ้าของโซนที่ตนเองขายอยู่ ตรงนี้เทศบาลมองว่า เป็นการแก้ปัญหาเรื่องผู้ขายที่มาไม่สม่ำเสมอ มาบ้าง ไม่มาบ้าง จะได้เห็นเลยว่าใครไม่มา จะได้จัดสรรที่ให้คนอื่นต่อไป .. ผู้ขายจำเป็นต้องควักเงินจ่ายเป็นค่าเสื้อประมาณ 150 บาทนะครับ เห็นว่าอย่างนั้น ..
4. ผู้ขายต้องเป็นเด็กดี ตรงต่อเวลา บอกให้มาเริ่มวางแผง 4 โมง ก็ให้มา 4 โมง นะครับ จะอ้างว่างานเยอะไม่ได้ .. เพราะเวลาของโครงการเขากำหนดไว้แน่นอนอยู่แล้ว หากทำตามกำหนดเวลาไม่ได้ ก็ถือว่าท่านบริหารเวลาไม่เป็นครับ ทำตามกติกาที่ฅนส่วนใหญ่เขาทำกันไม่ได้ ก็ต้องยกพื้นที่ของท่าน ให้ฅนอื่นไปตามระเบียบครับ อันนี้ส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วย ฅนไทยเรามักจะไม่รักษาเวลา ฅนที่มักจะบอกว่าไม่มีเวลา คือ ฅนที่บริหารเวลาไม่เป็นครับ ย้ำให้อีกรอบ
5. ผู้ขายจะต้องปรับปรุงขนาดของแผงวางสินค้าให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน อันนี้ผมได้รับข้อมูลมาอย่างนั้นนะ … แต่จะกว้างยาวเท่าไรนั้น คณะกรรมการในแต่ละโซนเขาจะไปตกลงกับท่านเอง.. โดยรวมก็คือ ให้มันดูเรียบร้อย มีระเบียบครับ
อันนี้ก็คือ 5 ข้อหลักๆ ที่ได้ที่ได้ทราบมาครับ การดำเนินการในรายละเอียดนั้น คงต้องสอบถามจากเจ้าหน้าที่เทศกิจในแต่ละโซนเอง บางโซนอาจจะทำแล้วไม่ work ก็เป็นไปได้ ทางเทศกิจเขาก็ได้จะได้หาทางออกให้ท่านได้ครับ
ที่ทางเทศบาลต้องออกกฏเข้มงวดเพราะว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ จะได้นำโครงการถนนฅนเดินกลางเวียงเชียงใหม่ เข้าประกวดกับทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หากโครงการได้รับรางวัล ก็จะได้รับการบรรจุเข้าไว้ในปฏิทินท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งจะกระจายข้อมูลออกต่างประเทศด้วย หากเป็นไปดังว่า ผลประโยชน์ท้ายสุดแล้วก็มาตกที่ฅนขายอย่างแรงนะครับ … ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือกับผู้ขายทุกท่าน ร่วมแรงร่วมใจกัน ทำให้ถนนฅนเดินเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกว้างไกลในระดับโลกกันไปเลยครับ เม็ดเงินก็จะไหลเข้ากระเป๋าท่านอย่างไม่ขาดสายน่อ …หากท่านใดคิดว่า ข้อมูลตรงนี้ยังไม่ชัดเจน ก็ให้โทรไปถามที่เทศกิจเองนะครับ ที่เบอร์ 053-232176 ถามได้ทุกเรื่องที่ต้องการรู้เกี่ยวกับถนนฅนเดิน ดูเหมือนว่าจะไม่แค่ที่กลางเวียงที่เดียวนะครับ วัวลายก็ถามได้ เพราะก็อยู่ภายใต้การควบคุมของทางเทศกิจเช่นกัน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
สินค้าดีดี หาได้จากไหน ?
